The Good, the Bad, and the Ugly คือหนังปิดท้ายไตรภาค The Dollars Trilogy ไตรภาคหนังคาวบอยสปาเก็ตตี้ (Spaghetti Western เป็นคำที่ใช้เรียกหนังคาวบอยที่อำนวยการสร้างและกำกับโดยชาวอีตาลี) ของผกก. Sergio Leone (ต่อจากนี้ผมขอเรียกชื่อหนังเรื่องนี้สั้นๆว่า GB&U)
GB&U เป็นหนังที่ได้รับการยอมรับ(โดยคนดูส่วนใหญ่)ให้เป็นหนังภาคที่ดีที่สุดใน ไตรภาค และได้รับการยกย่อง(โดยคนดูส่วนใหญ่)ให้เป็นหนังคาวบอยสปาเก็ตตี้ที่ดีที่ สุดตลอดกาล(สูสีกับงานมาสเตอร์พีซอีกเรื่องของผกก. Leone เองอย่าง Once Upon a Time in the West)
และได้รับการยกย่องขึ้นไปอีก(โดยคนดูส่วน ใหญ่)ให้เป็นหนังคาวบอยที่ดีที่สุดตลอดกาล(คราวนี้นอกจากจะสูสีกับ Once Upon a Time in the West แล้ว ยังต้องสูสีกับทั้ง The Searcher, High Noon,หรือแม้กระทั่งหนังที่กำกับโดยตัว Eastwood เองอย่าง Unforgiven)
แต่ สำหรับผมนะ...ครับ GB&U คือหนังคาวบอยที่ดีที่สุดตลอดกาลอย่างไม่ต้องสงสัย(ขนาดเฮีย Quentin Tarantino ยังยกให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังสุดโปรดอันดับหนึ่งในใจพร้อมกับให้เหตุผล ว่า“เพราะหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างมาในประวัติ ศาสตร์ภาพยนตร์”)
GB&U เป็นหนังที่ได้รับการยอมรับ(โดยคนดูส่วนใหญ่)ให้เป็นหนังภาคที่ดีที่สุดใน ไตรภาค และได้รับการยกย่อง(โดยคนดูส่วนใหญ่)ให้เป็นหนังคาวบอยสปาเก็ตตี้ที่ดีที่ สุดตลอดกาล(สูสีกับงานมาสเตอร์พีซอีกเรื่องของผกก. Leone เองอย่าง Once Upon a Time in the West)
และได้รับการยกย่องขึ้นไปอีก(โดยคนดูส่วน ใหญ่)ให้เป็นหนังคาวบอยที่ดีที่สุดตลอดกาล(คราวนี้นอกจากจะสูสีกับ Once Upon a Time in the West แล้ว ยังต้องสูสีกับทั้ง The Searcher, High Noon,หรือแม้กระทั่งหนังที่กำกับโดยตัว Eastwood เองอย่าง Unforgiven)
แต่ สำหรับผมนะ...ครับ GB&U คือหนังคาวบอยที่ดีที่สุดตลอดกาลอย่างไม่ต้องสงสัย(ขนาดเฮีย Quentin Tarantino ยังยกให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังสุดโปรดอันดับหนึ่งในใจพร้อมกับให้เหตุผล ว่า“เพราะหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างมาในประวัติ ศาสตร์ภาพยนตร์”)
นักแสดงนำทั้งสามคนในหนังเรื่องนี้ต่างรีดความ“แมน”ในตัวมาแข่งกันแบบเต็ม ที่ ทั้ง Clint Eastwood ผู้กลับมารับบทบุรุษนิรนาม (The Man With No Name) บทบาทที่เปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของเขาจากคาวบอยคนซื่อในซีรี่ส์ทางโทรทัศน์ Rawhide ไปเป็นคาวบอยขรึมเท่(และเจ้าเล่ห์)เป็นครั้งที่สามและเป็นครั้งสุดท้าย
(หลัง จากนั้น แม้จะเคารพซึ่งกันและกันมากขนาดไหน แต่คู่ผกก.-นักแสดงคู่บุญคู่นี้ (Leone กับ Eastwood) ก็ไม่ได้กลับมาร่วมงานด้วยกันอีกเลย...)
การ แสดงของปู่ Clint ใน GB&U ก็ไม่ต่างอะไรไปจากการแสดงของปู่แกในหนังสองภาคก่อน...หรือหนังเรื่องอื่นๆ ของปู่แก(ไม่ว่าจะหมายถึงหนังคาวบอยหรือหนังชุดมือปราบปืนโหดก็ตาม)
ถ้า เป็นกับนักแสดงสมัยนี้ การแอ็คติ้งแบบนี้คงโดนหาว่า“เล่นแข็ง”ไม่ก็“ขี้เก๊ก” แต่ถ้าเป็นกับปู่ Clint ผู้ที่เราเคารพรัก…มันคือเสน่ห์อันไม่เคยจางหาย,
(หลัง จากนั้น แม้จะเคารพซึ่งกันและกันมากขนาดไหน แต่คู่ผกก.-นักแสดงคู่บุญคู่นี้ (Leone กับ Eastwood) ก็ไม่ได้กลับมาร่วมงานด้วยกันอีกเลย...)
การ แสดงของปู่ Clint ใน GB&U ก็ไม่ต่างอะไรไปจากการแสดงของปู่แกในหนังสองภาคก่อน...หรือหนังเรื่องอื่นๆ ของปู่แก(ไม่ว่าจะหมายถึงหนังคาวบอยหรือหนังชุดมือปราบปืนโหดก็ตาม)
ถ้า เป็นกับนักแสดงสมัยนี้ การแอ็คติ้งแบบนี้คงโดนหาว่า“เล่นแข็ง”ไม่ก็“ขี้เก๊ก” แต่ถ้าเป็นกับปู่ Clint ผู้ที่เราเคารพรัก…มันคือเสน่ห์อันไม่เคยจางหาย,
Lee Van Cleef ในบท Sentenza หรือฉายาในฐานะมือปืนรับจ้างว่า Angle Eyes ...ปู่ Van Cleef กลับมาแสดงในหนังไตรภาคนี้เป็นครั้งที่สอง(ครั้งแรกคือในหนังภาคสอง For a Few Dollars More) การแสดงของปู่ Van Cleef นั้นเข้าข่าย“ตัวร้ายสูตรสำเร็จ”คือ“ร้ายได้ ร้ายดี ไม่ต้องมีเหตุผล”ตามฟอร์มตัวร้ายยุคโบราณ
แต่สิ่งที่น่าชื่นชมก็ คือ...การที่ปู่ Van Cleef สามารถสลัดคราบผู้พันคนดีในหนังภาคก่อน (For a Few Dollars More) มารับบทเป็นตัวร้ายในหนังภาคนี้ได้อย่างสนิทใจ ไม่เหลือเค้าความเป็นคนดีจากภาคก่อนเลยแม้แต่นิดเดียว...ไม่ชื่นชมก็คงจะไม่ ได้,
แต่สิ่งที่น่าชื่นชมก็ คือ...การที่ปู่ Van Cleef สามารถสลัดคราบผู้พันคนดีในหนังภาคก่อน (For a Few Dollars More) มารับบทเป็นตัวร้ายในหนังภาคนี้ได้อย่างสนิทใจ ไม่เหลือเค้าความเป็นคนดีจากภาคก่อนเลยแม้แต่นิดเดียว...ไม่ชื่นชมก็คงจะไม่ ได้,
Eli Wallach ในบท Tuco โจรกระจอกอัปลักษณ์ ตัวขโมยซีนประจำเรื่อง...จากนักแสดงนำชายทั้งสามคนในหนังเรื่องนี้ ปู่ Wallach คือคนที่ผมชอบมากที่สุด
นี่เป็นครั้งแรกที่ปู่ Wallach ได้มาแสดงในไตรภาคหนังคาวบอยชุดนี้ แต่ปู่แกกลับสามารถกลบคนที่อยู่(เล่น)มาก่อนอย่างปู่ Clint กับปู่ Van Cleef เสียมิดด้วยลีลายียวนกวนบาทา บางครั้งก็น่าสงสาร น่าเอาใจช่วย...แต่หลายๆครั้ง(มัน)ก็น่าเอาปืนยิงไส้กระจุย
น่า เสียดายแทนเป็นอย่างยิ่งที่ในปีนั้น ออสการ์ไม่แม้แต่จะเหลียวแลการแสดงปู่ Wallach ในหนังเรื่องนี้(ความจริงก็คือ...ออสการ์ไม่มีหนังเรื่องนี้อยู่ในสายตาตั้ง แรกแล้ว) เพราะในสายตาของผม การแสดงใน GB&U คู่ควรแก่การวินออสการ์ให้ปู่ Wallach เป็นอย่างยิ่ง
(ผมจึงดีใจเป็น อย่างยิ่งเมื่อรู้ว่าปีหน้าออสการ์จะมอบรางวัลทรงเกียรติ์ (Honorary Award) ให้ปู่ Wallach …ที่แท้ปู่แกอายุยืนขนาดนี้ก็เพื่อรอวันนี้นี่เอง)
นี่เป็นครั้งแรกที่ปู่ Wallach ได้มาแสดงในไตรภาคหนังคาวบอยชุดนี้ แต่ปู่แกกลับสามารถกลบคนที่อยู่(เล่น)มาก่อนอย่างปู่ Clint กับปู่ Van Cleef เสียมิดด้วยลีลายียวนกวนบาทา บางครั้งก็น่าสงสาร น่าเอาใจช่วย...แต่หลายๆครั้ง(มัน)ก็น่าเอาปืนยิงไส้กระจุย
น่า เสียดายแทนเป็นอย่างยิ่งที่ในปีนั้น ออสการ์ไม่แม้แต่จะเหลียวแลการแสดงปู่ Wallach ในหนังเรื่องนี้(ความจริงก็คือ...ออสการ์ไม่มีหนังเรื่องนี้อยู่ในสายตาตั้ง แรกแล้ว) เพราะในสายตาของผม การแสดงใน GB&U คู่ควรแก่การวินออสการ์ให้ปู่ Wallach เป็นอย่างยิ่ง
(ผมจึงดีใจเป็น อย่างยิ่งเมื่อรู้ว่าปีหน้าออสการ์จะมอบรางวัลทรงเกียรติ์ (Honorary Award) ให้ปู่ Wallach …ที่แท้ปู่แกอายุยืนขนาดนี้ก็เพื่อรอวันนี้นี่เอง)
ด้วยความที่ GB&U เป็นหนังภาคที่มีทุนสร้างหนาที่สุดจากทั้งสามภาค (A Fistful of Dollars – 200,000 เหรียญ, For a Few Dollars More – 600,000 เหรียญ, GB&U – 1,500,000 เหรียญ) ผกก. Leone จึงสามารถเนรมิตอเมริกาภาคตะวักตกระหว่างเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นมาได้อย่าง ยิ่งใหญ่สมจริง รวมถึงฉากการรบระหว่างฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ที่เป็นหนึ่งในฉากไคลแม็กซ์ของ เรื่อง(ที่ใช้คำว่า“หนึ่งใน”เพราะหนังเรื่องนี้มีฉากไคลแม็กซ์มากกว่าหนึ่ง ฉาก)
ฉะนั้นจะว่าไปแล้ว นอกจาก GB&U จะเป็นหนังคาวบอย(ก็แน่ละ) หนังเรื่องนี้ยังเป็นหนังที่แฝงประเด็นการต่อต้านสงคราม (Anti-war) ด้วยเช่นกัน เช่นในฉากที่ Angel Eyes ยืนมองซากปรักหักพังของป้อมทหารโดยมีเพลงธีมของ Ennio Morricone คลอไปด้วย
หรือ ฉากที่บุรุษนิรนามพูดกับ Tuco ขณะดูการรบพุ่งของฝ่ายเหนือ-ฝ่ายใต้เพื่อแย่งชิงสะพานเล็กๆสะพานหนึ่งที่พวก ทหารชั้นผู้ใหญ่เห็นว่าเป็นจุดยุทธการสำคัญว่า“ไม่เคยเห็นมีคนเอาชีวิตมา ทิ้งได้ไร้ค่าเท่าครั้งนี้มาก่อนเลย”เป็นต้น
ชวนให้ผมตั้งคำถามกับ ตัวเองขึ้นมาเล็กน้อยว่า หรือว่าหนังเรื่องนี้ผกก. Leone ก็ได้นำเอาหลักการมนุษยนิยมตามแบบในหนังซามูไรของ Akira Kurosawa มาใช้อีกครั้ง? (เพราะผกก. Leone เองนั้นได้รับแรงบันดาลใจในการทำหนังภาคแรก A Fistful of Dollars มาจาก Yojimbo หนึ่งในหนังซามูไรชื่อดังของ Kurosawa)
ฉะนั้นจะว่าไปแล้ว นอกจาก GB&U จะเป็นหนังคาวบอย(ก็แน่ละ) หนังเรื่องนี้ยังเป็นหนังที่แฝงประเด็นการต่อต้านสงคราม (Anti-war) ด้วยเช่นกัน เช่นในฉากที่ Angel Eyes ยืนมองซากปรักหักพังของป้อมทหารโดยมีเพลงธีมของ Ennio Morricone คลอไปด้วย
หรือ ฉากที่บุรุษนิรนามพูดกับ Tuco ขณะดูการรบพุ่งของฝ่ายเหนือ-ฝ่ายใต้เพื่อแย่งชิงสะพานเล็กๆสะพานหนึ่งที่พวก ทหารชั้นผู้ใหญ่เห็นว่าเป็นจุดยุทธการสำคัญว่า“ไม่เคยเห็นมีคนเอาชีวิตมา ทิ้งได้ไร้ค่าเท่าครั้งนี้มาก่อนเลย”เป็นต้น
ชวนให้ผมตั้งคำถามกับ ตัวเองขึ้นมาเล็กน้อยว่า หรือว่าหนังเรื่องนี้ผกก. Leone ก็ได้นำเอาหลักการมนุษยนิยมตามแบบในหนังซามูไรของ Akira Kurosawa มาใช้อีกครั้ง? (เพราะผกก. Leone เองนั้นได้รับแรงบันดาลใจในการทำหนังภาคแรก A Fistful of Dollars มาจาก Yojimbo หนึ่งในหนังซามูไรชื่อดังของ Kurosawa)
ตามธรรมเนียมของหนังคาวบอยส่วนใหญ่ ฉากไคลแม็กซ์ของเรื่องมักจะมีเพียงฉากเดียวเท่านั้นคือฉากที่พระเอกดวลปืน กับผู้ร้ายตอนท้ายเรื่อง...แต่ GB&U กลับเลือกที่จะแหกธรรมเนียมนั้น(รวมถึงธรรมเนียมของหนังส่วนใหญ่ที่ว่า“ฉาก ดีๆต้องเก็บเอาไว้ท้ายๆ”)ด้วยการใส่ฉากสำคัญๆเข้ามาเรื่อยๆ ตั้งแต่ฉากดวลปืนในเมืองตอนกลางเรื่องยันฉากดวลปืนแบบสามต่อสามกลางสุสานตอน ท้ายเรื่อง
ฉากเด็ดๆเหล่านี้จะฝังเข้าไปอยู่ในความทรงจำของคนดูหลัง ดูจบโดยอัตโนมัติ เชื่อได้เลยว่าใครที่เคยดูหนังเรื่องนี้มาก่อนจะต้องมีสักฉากในหนังเรื่อง นี้ที่ติดตาตรึงใจเป็นแน่
สำหรับผม...ฉากที่ติดตาตรึงใจผมมากที่สุด คือฉากที่บุรุษนิรนามจุดซิการ์ให้นายทหารที่ใกล้ตายคนหนึ่งได้สูบ...เป็นฉาก ที่ออร่าความแมนโคตรและโคตรแมนของปู่ Clint ฟุ้งกระจายมากที่สุด และแสดงพัฒนาการ(Character development) ของตัวละครบุรุษนิรนามที่ตอนต้นเรื่องเป็นแค่มือปืนเห็นแก่ได้ธรรมดาไปเป็น ชายคนหนึ่งที่เริ่มมีมโนธรรมในใจ
เพลงประกอบของ Ennio Morricone ก็มาพีคสุดๆสำหรับผมในฉากนี้ ชวนบีบน้ำตาลูกผู้ชายมากๆ...เป๊ะจริง อะไรจริง
ฉากเด็ดๆเหล่านี้จะฝังเข้าไปอยู่ในความทรงจำของคนดูหลัง ดูจบโดยอัตโนมัติ เชื่อได้เลยว่าใครที่เคยดูหนังเรื่องนี้มาก่อนจะต้องมีสักฉากในหนังเรื่อง นี้ที่ติดตาตรึงใจเป็นแน่
สำหรับผม...ฉากที่ติดตาตรึงใจผมมากที่สุด คือฉากที่บุรุษนิรนามจุดซิการ์ให้นายทหารที่ใกล้ตายคนหนึ่งได้สูบ...เป็นฉาก ที่ออร่าความแมนโคตรและโคตรแมนของปู่ Clint ฟุ้งกระจายมากที่สุด และแสดงพัฒนาการ(Character development) ของตัวละครบุรุษนิรนามที่ตอนต้นเรื่องเป็นแค่มือปืนเห็นแก่ได้ธรรมดาไปเป็น ชายคนหนึ่งที่เริ่มมีมโนธรรมในใจ
เพลงประกอบของ Ennio Morricone ก็มาพีคสุดๆสำหรับผมในฉากนี้ ชวนบีบน้ำตาลูกผู้ชายมากๆ...เป๊ะจริง อะไรจริง
สรุป...สมบูรณ์แบบในแทบทุกทาง คอหนังคาวบอยห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
ที่มาแหล่งข้อมูล : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=apple101&month=14-09-2010&group=1&gblog=12
The Good, the Bad, and the Ugly : Audio Spain
: Sub Thai
Rip From DVD
DOWNLOAD
: Sub Thai
Rip From DVD
DOWNLOAD